ศาลตัดสินจำคุกอดีตผู้นำไต้หวันและภรรยา รวม 19 ปี ปรับ 310 ล้าน

อดีตผู้นำไต้หวันและภรรยาถูกศาลสูงสุดไต้หวันพิพากษาจำคุกรวม 19 ปี ปรับ รวม 310 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ใน 2 คดี ได้แก่คดีทุจริตรับเงินสินบนจัดซื้อที่ดินที่หลงถาน เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างสวนวิทยาศาสตร์หลงถาน ซึ่งเป็นส่วนขยายจากสวนวิทยาศาสตร์ซินจู๋ จำคุก 11 ปี ปรับคนละ 150 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน รวม 300 ล้านเหรียญไต้หวัน และคดีรับเงินเพื่อขายตำแหน่งประธานบริษัทอาคาร 101 ให้แก่นางสาวเฉิน หมิ่นซวิน จำคุก 8 ปี
 ปรับคนละ 5 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน รวม 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โดยทั้งสองคดีเป็นคดีที่มีการพิจารณาพิพากษาจนถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น อดีตประธานาธิบดีเฉิน สุยเปี่ยน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการอายัดตัวและถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานกักกันไทเปจะต้องย้ายไปรับโทษจำคุกที่เรือนจำไทเปในเร็วๆ นี้ ส่วนสิทธิพิเศษทุกอย่างในฐานะอดีตผู้นำนั้น กระทรวงมหาดไทยได้สั่ง่ระงับและยกเลิกแล้ว สำหรับนางอู๋ สูเจิน ภรรยา เนื่องจากปัญหาสุขภาพที่ต้องนั่งรถเข็นมานานกว่า 20 ปี และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาหาสถานที่ที่เหมาะสมในการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล กลายเป็นอดีตผู้นำและภรรยาของไต้หวันรายแรกที่ต้องโทษจำคุกในข้อหาทุจริตคอรับชั่น

 อดีตผู้นำไต้หวันและภรรยายังมีอีกหลายคดีที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนหรือฟ้องร้องหรือยื่นอุทธรณ์ในขั้นศาลเช่น คดีทุจริตคอรัปชั่นเงินประจำตำแหน่ง (ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 20 ปี กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา) คดีฟอกเงิน คดีรับเงินสินบนเพื่อประโยชน์ในการควบรวมกิจการสถาบันการเงิน คดีรับเงินจากนักธุรกิจ คดีให้การเท็จของสมาชิกในครอบครัว คดีทุจริตเงินราชการต่างประเทศ คดีเปิดเผยความลับแห่งชาติ และคดีกักเก็บเอกสารลับทางราชการ เป็นต้น

นายหลัว จื้อเฉียง โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ระบุว่า ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว จะไม่เข้าแทรกแซงคดีทางกฎหมายคดีใดๆ เป็นการเฉพาะ แต่จำเป็นต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน รวมทั้งความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อการปฏิรูประบบตุลาการทั้งระบบ ดังนั้น การผลักดันการปฏิรูประบบตุลาการจึงเป็นภาระกิจของประธานาธิบดีหม่าฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องนี้กับบรรดาผู้นำด้านตุลาการในไต้หวันแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2553