เมื่อถึงการเลือกตั้งทุกครั้ง พลังกลุ่มที่ 3ก็มักจะกลายเป็นประเด็นร้อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวงการการเมือง ธุรกิจ นักวิชาการ วัฒนธรรม และกลุ่มสังคมต่างๆ ล้วนพยายามอย่างยิ่งที่จะก้าวทะลุทะลวงกรอบการแข่งขันกันระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ พรรคก๊กมิ่นตั๋งกับพรรคดีพีพี กลายเป็นทางเลือกที่ 3 ของผู้คน แต่จากประสาบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา และสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ไม่มีทางเป็นไปได้ที่กลุ่มพลังที่ 3 จะแทรกตัวเข้า
สู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติไต้หวันที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า แม้แต่จะได้รับคะแนนเสียงในส่วนของระบบปาร์ตี้ลิสต์ได้เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ในกฎหมายเลือกตั้ง ก็รู้สึกว่า มีความหวังที่เลือนลางเต็มทน
สู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติไต้หวันที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า แม้แต่จะได้รับคะแนนเสียงในส่วนของระบบปาร์ตี้ลิสต์ได้เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ในกฎหมายเลือกตั้ง ก็รู้สึกว่า มีความหวังที่เลือนลางเต็มทน
การเลือกตั้งระดับชาติในไต้หวันที่ผ่านมา ในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาฯ ที่เป็นการเลือกตั้งแบบหลายที่นั่ง มักจะมีผู้สมัครรับเลือกตั้งนอกเหนือจากพรรคการเมืองทั้งสองหลายคนทีเดียว แต่ในส่วนของการเลือกตั้งผู้นำระดับท้องถิ่นที่เป็นการเลือกตั้งแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือผู้ว่าเมืองต่างๆ ดูเหมือนว่า ผุ้สมัครรับเลือกตั้งอิสระหรือจากพรรคการเมืองอื่นๆ ล้วนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และเมื่อพิจารณาผลการสำรวจคะแนนนิยมในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ในไต้หวันมีกลุ่มคะแนนเสียงที่ถูกประทับตราว่า เป็นกลุ่มวางตัวเป็นกลาง ประมาณร้อยละ 30 ไม่มีความโน้มเอียงเข้าข้างพรรคการเมืองใด ดังนั้น โดยผิวเผินแล้ว กลุ่มพลังที่ 3 น่าจะมีโอกาสเกิดได้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว
(คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น