วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กรมการบินพลเรือนไต้หวันเตรียมทุ่มงบ 6 หมื่นล้านเอนทีสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่สามที่สนามบินนานาชาติเถาหยวน

เพื่อผลักดันสนามบินนานาชาติเถาหยวนให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคมเตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญเอนทีก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 3 ในสนามบินดังกล่าว คาดเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2014 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานอย่างเร็วที่สุดในปี 2018

นายอิ่นเฉิงเผิง (尹承蓬) อธิบดีกรมการบินพลเรือนเปิดเผยว่า อาคารผู้โดยสารแห่งที่สาม จะตั้งอยู่ทางตะวันตกของอาคารสอง ประกอบด้วยตัวอาคารหลัก ชั้นผู้โดยสารขาออก ลานจอดเครื่องบินและระบบคมนาคมขนส่งผู้โดยสาร ต่างๆ เป็นต้น โดยมีทางเชื่อมต่อกับอาคารสองทางทิศตะวันออกของอาคาร ส่วนชั้นใต้ดินจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าสนามบิน

อธิบดีกรมการบินพลเรือนชี้ว่า จากข้อมูลการสำรวจภาวะตลาดประจำปี
 2009 ของบริษัทโบอิ้งคอร์ปอเรชั่นพบว่า เอเชียจะมีส่วนแบ่งตลาดการขนส่งทางอากาศโลกเพิ่มจากร้อยละ 32 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 41 ในปีในปี 2028 สนามบินเถาหยวนมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในตลาดเอเชียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แรงขับเคลื่อนจากการเปิดบินตรงระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน การลงนามข้อตกลงECFA และการจัดทำเอฟทีเอของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้สนามบินเถาหยวนกลายเป็นเครือข่ายการขนส่งและการเดินทางทางอากาศในระยะสั้นและกลางระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นจุดเปลี่ยนเครื่องในการเดินทางไปมาระหว่างเอเชียแปซิฟิกกับยุโรปและอเมริกา จึงจำเป็นต้องผลักดันให้สนามบินเถาหยวนกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคม

ปีที่แล้วสนามบินนานาชาติเถาหยวนรองรับผู้โดยสารมากกว่า 20 ล้านคน เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 5 ต่อปี พบว่าการขนส่งผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 58 ล้านคนครั้งในอีก 20 ปีข้างหน้า

นายอิ่นเฉิงเผิงเปิดเผยว่า หลังการเปิดใช้อาคารผู้โดยสารแห่งที่สาม คาดว่าจะสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ราว 43 ล้านคนครั้งต่อปี โดยปัจจุบันอาคารผู้โดยสารหนึ่งสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 12 ล้านคนต่อปี และหากโครงการปรับปรุงอาคารหนึ่งแล้วเสร็จในสิ้นปีหน้า จะสามารถรองรับเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคน ส่วนอาคารสองขณะนี้รองรับผู้โดยสารได้ 17 ล้านคน และอาคารสามที่จะเปิดใหม่นี้ จะมีปริมาณรองรับผู้โดยสารได้มากกว่าอาคารหนึ่งสามเท่า และมากกว่าอาคารสองสองเท่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น