วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นายกรัฐมนตรีไต้หวันระบุ ต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน

นายอู๋ตุนอี้ นายกรัฐมนตรีไต้หวันเปิดเผยว่า ยังไม่ถึงเวลาที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันจะเปิดเจรจาทางการทหารหรือการเมืองต่อกัน โดยหากสองฝั่งช่องแคบไต้หวันต้องการที่จะสะสมความเชื่อมั่นระหว่างกันให้มากกว่านี้ จะต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ
นายจงเส้าเหอ (鍾紹和) สส.พรรคก๊กมินตั๋งเสนอในสภาว่า ไต้หวันสามารถแสดงให้จีนแผ่นดินใหญ่เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ดีได้ โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบกองกำลังทหารบนหมู่เกาะรอบนอกที่จินเหมินและมัตสุ เป็นการกระตุ้นให้จีนแผ่นดินใหญ่เร่งกำหนดเวลาถอนขีปนาวุธที่เล็งมายังไต้หวันเร็วขึ้น และเป็นการสร้างรากฐานความเชื่อมั่นทางทหารระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันให้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนเป็นการประกาศให้นานาชาติได้รับรู้ว่าไต้หวันมีความต้องการที่จะแสวงหาสันติภาพระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน
ต่อกรณีดังกล่าว นายอู๋ตุนอี้ นายกรัฐมนตรีไต้หวันเปิดเผยว่า สองฝั่งช่องแคบไต้หวันมีความร่วมมือกันอย่างดีทั้งในด้านกระบวนการตุลาการและ
การรักษาความปลอดภัย แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเจรจาทางการทหารหรือการเมืองต่อกัน โดยจำเป็นที่จะต้องสะสมความเชื่อมั่นระหว่างกันให้มากกว่านี้ พร้อมชี้ว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนแผ่นดินใหญ่กล่าวว่า จะเจรจาการถอนขีปนาวุธภายใต้เงื่อนไขหลักการจีนเดียว ซึ่งไต้หวันไม่มีทางยอมรับ และหากแผนการถอนขีปนาวุธในขั้นสุดท้ายของเวินเจียเป่ามีการตั้งเงื่อนไขข้อแม้อื่นๆ เพิ่ม ไต้หวันก็ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน จะต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ และไม่มีการตั้งข้อแม้เพิ่มเติมด้วย และยิ่งกว่านั้นจะต้องมั่นใจว่าต่างมีความต้องการที่จะให้เกิดสันติภาพในท้ายที่สุดเหมือนกัน

นายอู๋ตุนอี้กล่าวว่า เรายังคงยึดถือทางสายกลางในการดำเนินนโยบาย เราไม่มีทางละทิ้ง เพราะจะเหมือนกับเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ข้อที่สอง เรายังต้องคำนึงถึงวิธีในการสร้างความเชื่อมั่นระหว่างสองฝ่าย ซึ่งก็คือต้องไม่มีการกำหนดเงื่อนไขและไม่มีข้อแม้ใดๆ ต้องแสดงความจริงใจและความสมัครใจ เช่น สองฝ่ายมีความต้องการที่จะให้เกิดสันติภาพในท้ายที่สุดเหมือนกัน สมมุตมีเครื่องบินบินผ่านน่านฟ้าช่องแคบไต้หวัน อาจจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปบ้าง แต่จะต้องไม่ให้กลายเป็นการสู้รบกัน และทำให้เกิดเหตุการณ์อื่นๆ ตามมา ซึ่งผู้นำของทั้งสองฝ่ายจะต้องมีความสุขุมรอบคอบอย่างมาก

นายกรัฐมนตรียำว่า ไม่รวม ไม่แยก ไม่รบ เดินหน้าพัฒนาสันติภาพที่มั่นคง จัดการเรื่องเฉพาะหน้าก่อน เน้นเศรษฐกิจมากกว่าการเมือง และทำเรื่องที่ง่ายก่อนเรื่องที่ยาก เป็นหลักการในการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันในขณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น