วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

นักวิชาการระบุ ไต้หวัน สหรัฐฯและญี่ปุ่นควรร่วมมือกันคานอำนาจจีนแผ่นดินใหญ่

ศาสตราจารย์หลินเหอลี่ จากมหาวิทยาลัยอคิตะ อินเตอร์เนชั่นแนล (Akita International University)ได้เขียนบทความลงตีพิมพ์ในนิตยสาร 「SAPIO」ของญี่ปุ่น เรียกร้องให้ไต้หวัน สหรัฐฯและญี่ปุ่นควรร่วมมือกันคานอำนาจจีนแผ่นดินใหญ่ที่เริ่มคุกคามไปทั่วโลกในทุกๆด้านโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

บทความของศาสตราจารย์หลินเหอลี่ซึ่งอดีตเป็นรองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์SouthChina Morning Post หรือ SCMP ( 南華早報 ) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในฮ่องกงระบุว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจีนแผ่นดินใหญ่ ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในสิบของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก แต่ในอีกสิบปีข้างหน้าจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่สมัยต่อไปซึ่งจะกลายเป็นผู้นำโลกนั้นจะถูกคัดเลือกออกมาในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นนายสีจิ้นผิง รองประธานกรรมาธิการทหารแห่งชาติคนปัจจุบัน หากมองจากจีดีพีของจีนแผ่นดินใหญ่ ในปี ค.ศ. 2010 สูงเป็นอันดับสองของโลกแซงหน้าญี่ปุ่น คาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ. 2020 จะแซงหน้าสหรัฐฯกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง นอกจากนี้จีนแผ่นดินใหญ่ได้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯไว้ถึง 850,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นหนึ่งในห้าของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทั้งหมด หากจีนแผ่นดินใหญ่โยนพันธบัตรในมือออกขายเพียง 10% ก็เพียงพอที่จะก่อให้เกิดความหวั่นวิตกในตลาดการเงินโลกและสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯได้ ดังนั้นในอีกสิบปีข้างหน้าผู้นำสหรัฐฯจะถูกสีจิ้นผิงผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ในอนาคตปิดปากด้วยไพ่ใบสำคัญนี้ นอกจากภัยคุกคามทางเศรษฐกิจแล้ว ในด้านการทหารจากข้อมูลทางการทหารสหรัฐฯระบุว่า ในอีกห้าปีข้างหน้า กองทัพปลดแอกจีนคอมนิวนิสต์จะผลิตเรือรบขนาดใหญ่ 6 ลำ โดยคาดว่าได้มีการเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือให้ล้ำหน้ากว่ากองทัพเรือของสหรัฐฯและสามารถรุกเข้าไปในน่านน้ำด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิคได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง กองเรือรบของจีนแผ่นดินใหญ่จะปรากฏให้เห็นตามหมู่เกาะเตี้ยวหยีไถที่เป็นข้อพิพาทเรื่องอธิปไตยระหว่างญี่ปุ่นกับจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ และหมู่เกาะโอกินาวา ถึงเวลานั้นจีนแผ่นดินใหญ่ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยของญี่ปุ่นด้วย ดังนั้นการจะคานอำนาจจีนแผ่นดินใหญ่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันของสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและไต้หวัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการทหาร พร้อมกันนี้ญี่ปุ่นจะต้องอาศัยจุดอ่อนของจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งก็คือปัญหาด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย รวมถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนมากดดันจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยการเพิ่มความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันตก

แหล่งที่มา : Rti Thai
วันที่ : 2011/01/18

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น