วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

รัฐสภาสหรัฐฯ ยืนกรานต้องขายอาวุธให้ไต้หวัน

หลังจากที่สหรัฐฯ ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2522 เป็นต้นมา รัฐสภาสหรัฐฯ ได้มีมติเสียงข้างมากแบบถล่มทะลายผ่านกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวัน เป็นหลักประกันให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน แต่ประธานาธิบดีโอบามา กำลังจะตัดสินใจปฏิเสธการจำหน่ายอาวุธเครื่องบิน F-16 C/D ให้แก่ไต้หวัน ทำให้กฎหมายดังกล่าวอาจกลายเป็นเพียงเศษกระดาษเท่านั้น

คอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในสหรัฐฯ ฉบับเมื่อวันที่ 1 ก.ย. ระบุว่า ปัจจุบันถึงเวลาแล้วที่รัฐสภาสหรัฐฯ จะใช้พลังของตนเปลี่ยนแปลงสถานะที่ฝ่ายบริหารไม่อาจต้านทานแรงกดดันจากจีนแผ่น
ดินใหญ่ได้

ปัจจุบัน รัฐสภาสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้ปฏิบัติในเรื่องนี้แล้ว โดยนาย John Cornyn วุฒิสมาชิกรัฐเท็กซัส ระบุว่า หากรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามา ตัดสินใจปฏิเสธการจำหน่ายอาวุธดังกล่าวให้แก่ไต้หวันตามกำหนดการก่อนวันที่ 1 ต.ค. 2554 แล้ว ตนจะเสนอญัตติแก้ไขกฎหมายว่าด้วยมอบอำนาจกลาโหม เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารต้องขายอาวุธนี้ให้แก่ไต้หวัน
ญัตติดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาทั้งสองสภาจำนวนมาก ซึ่งเคยมีการร่วมลงนามในหนังสือสนับสนุนการจำหน่ายอาวุธให้ไต้หวันแล้ว เขาคาดว่า ประธานาธิบดีโอบามาอาจใช้สิทธิในการยับยั้งกฎหมายที่เกี่ยวกับงบประมาณกลาโหม ซึ่งมิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ทำได้ยาก
นอกจากประเด็นการจำหน่ายเครื่องบินรบ F-16 C/D ให้แก่ไต้หวันแล้ว สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ยังอาจจะหาวิธีการเสริมความเข้มข้นของกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ไต้หวันด้วย โดยการกำหนดระยะเวลาพิจารณาการจำหน่ายอาวุธให้แก่ไต้หวัน เพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอดพ้นจากแรงกดดันจากทางการจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นหลักประกันให้แก่เสรีภาพและความผาสุกของไต้หวัน และเป็นการกระตุ้นให้จีนแผ่นดินใหญ่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นด้วย

แหล่งที่มา : Rti
วันที่ : 2 ก.ย. 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น